ถ้าไม่อยากอ่านเพราะมันยาว กดเข้าไปดูคลิปได้เลยครับ "ยาวพอกัน"https://youtu.be/B9_D8rr__jI
3 ข้อในการฝึกเล่นกีต้าร์และร้องเพลงยังไง ให้ดูเป็นมืออาชีพ
แน่นอนล่ะที่ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถทำเรื่องพวกนี้ได้เลย โดยที่ไม่ฝึกมาก่อน หรืออาจจะมีคนบางพวกบางกลุ่มทำได้เลยโดยที่ไม่ต้องฝึก หรืออาจจะฝึกแต่ก็ฝึกน้อยกว่าชาวบ้าน พวกนั้นเราไม่ต้องไปพูดถึงครับ เพราะเราจัดให้มันอยู่ในกลุ่มของพวกที่มี พวงสวรรค์ เอ๊ย…“พรสวรรค์”
อ้าว แล้วอย่างเราๆ คนธรรมดาล่ะ จะทำอย่างไรถึงจะสามารถฝึกและทำได้อย่างเขาบ้าง อดทนดูคลิปนี้ให้จบครับ น้าปูพยายามรวบรวมสิ่งที่คาดว่าคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ในการฝึกฝนมาให้ทุกท่านได้เป็นแนวทาง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ถ้าดูจบแล้ว มันจะเป็นประโยชน์ต่อทุก ๆ คนในการฝึกหัดอย่างมีเป้าหมาย
อันดับแรกมาวิเคราะห์กันก่อน ว่าปัญหาที่เกิดและวิธีการแก้เราสามารถทำอะไรกับมันได้บ้าง
จังหวะ
อันนี้คือปัญหาใหญ่ไม่ว่าคุณจะร้องเก่งแค่ไหนเอื้อนได้กี่ชั้นหรือเสียงจะหวานปานน้ำตาลปิ๊บที่ เคี่ยวจนข้น ถ้าเล่นไปด้วยร้องไปด้วยแล้วเกิดปัญหาไม่สามารถคุมจังหวะได้ละก็ ล่มเละทุกราย ซึ่งสาเหตุมันไม่ได้เกิดจากอะไรที่เราไม่รู้หรือคาดไม่ถึง แต่มันเป็นเป็นแค่สิ่งที่เรามองข้ามมาตลอดในขั้นตอนการฝึกนั่นก็คือ
หมกมุ่นและจริงจังกับการฝึกที่มันกระโดดข้ามขั้นตอนเกินไป สุดท้ายไปไม่สุดซักทาง ครึ่งๆ กลางๆ
ข้อนี้สามารถอธิบายได้ง่ายๆ คือ ในยุคนี้ การที่เราอยากเล่นเพลงอะไรซักเพลงมันไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาคนสอน ก็แค่คุณมีโทรศัพท์หนึ่งเครื่องที่ต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตได้ ก็สามารถใช้ปลายนิ้วจิ้มหาคลิปสอนต่างๆ ได้มากมายบน Youtube หรือโลกแห่ง Internet แต่สิ่งที่คุณไม่เคยประเมินตัวเองเลยจากการดูคลิปเหล่านั้นก็คือ เทคนิคบางอย่างคุณไม่เคยรู้ที่มาที่ไปของมัน คุณหวังแค่ว่า จิ้มตามๆ ไปเรื่อยๆ คุณก็จะทำได้ คุณก็จะเก่ง คุณไม่ได้คิดผิดหรอกครับ แต่แค่สิ่งที่คุณคิดมันถูกไม่หมด ทดสอบง่ายๆ ก็ได้ ลองดูสิ ลองเล่นไปด้วยร้องไปด้วยจากคลิปที่คุณพึ่งฝึกมาว่า เฮ้ย….มันเล่นและร้องออกมาเป็นธรรมชาติหรือดูแล้วไม่ฝืนแค่ไหน ถ้าไม่มีใครวิจารณ์ ก็ลองใช้วิธีที่ง่ายที่สุดครับ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วอัดตัวเองดู มองอย่างใจเป็นกลางอย่าเข้าข้างตัวเอง ถ้าดูแล้วชอบ ก็ปล่อยผ่านข้อนี้ไปได้เลย แต่ถ้าดูแล้วขัดใจตัวเอง มาดูกันว่าจะแก้ไขยังไงได้บ้าง
แนวทางแก้ไข
o หยุดทุกแพทเทิร์นที่เคยฝึกมาถ้ารู้สึกว่า กำลังเป๋ แล้วย้อนกลับมาที่เบสิค โดยการนึกภาพเหมือนปรบมือร้องเพลง แล้วไม่ต้องคิดอะไรมาก ดีดลงอย่างเดียวเหมือนเราตบมือนั่นแหละ ให้มันตรงจังหวะก็พอ นึกภาพไม่ออกว่าทำอย่างไร ก็เปิดคลิปตามลิงค์ดูประกอบ
o ถ้าทำได้แล้วค่อยเพิ่มการขยี้ คราวนี้จะเล่นยังไงมันก็ทำได้ไม่ยาก
o ถ้ามั่นใจว่าทำได้ ทำดีแล้ว คราวนี้ไปที่ข้อต่อไป
ใส่ความรู้สึกและอารมณ์ลงไปบ้าง อย่าสักแต่เล่นให้จบๆ เพลง
อันนี้สำคัญ ถ้าคุณรักหรืออยากที่จะทำในสิ่งนี้แล้ว ทำไมไม่ลองคิดสักเสี้ยวละครับว่า เราน่าจะทำมัน
ให้ออกมาดีที่สุดโดย ละทิ้งความรู้สึกเขินอายทั้งปวง ทำไมน้าปูถึงหยิบประเด็นนี้มาพูด มันง่ายมากครับ ถ้ายังไม่อ๋อหรือเข้าใจประเด็นที่น้าปูกำลังพูด งั้นลองคิดแบบนี้ครับ เวลาที่เราดูนักแสดง ดูนักร้อง หรือดูใครก็ตามที่กำลังแสดงโชว์บางสิ่งให้เราดู แล้วเรารู้สึกว่ามันไม่ดี มันแข็ง มันไม่ถูกใจ เรารู้สึกยังไง แน่นอนครับไม่ต้องมีทฤษฎีหรือหลักวิชาการใด ๆ มารองรับ เราก็สามารถบอกกับตัวเองได้เลยว่า เราไม่อยากดูต่อ ดังนั้น ถ้ารักหรืออยากจะทำ ลองทำให้สุดในศักยภาพที่เรามีครับ อย่าเขิน อย่าอาย เพราะถ้าทำไปอายไป น้าปูแนะนำว่าหยุดทำเถอะ เพราะคนดูเขาดูแล้วเขาจะจำว่าเราเป็นอย่างรสุดท้ายเขาจะไม่อยากกลับมาดูเราอีก
และสุดท้ายสำหรับข้อที่ 3 คือ
อย่ากลัวว่าจะทำออกมาแล้วไม่ดีเลยไม่กล้าทำ
กลัวและไม่กล้าที่จะเล่นหรือร้อง อันนี้เป็นปัญหาใหญ่ แก้ยังไงก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นปัญหาทางด้านจิตใจ คำว่าปัญหาทางด้านจิตใจแปลว่าอะไรโดยในข้อนี้ น้าปูขอแยกมันออกมาที่การร้องอย่างเดียวก่อนนะครับ เรายังไม่เอามันไปรวมในหัวข้อของการเล่นและร้องไปพร้อมกัน
ข้อนี้ทุกคนสามารถคิดหรือกลัวได้ครับ แต่น้าปูขออย่างเดียวคือให้คิดและกลัวแค่ตอนซ้อมเท่านั้น
อย่าเอาความคิดนี้แบกขึ้นไปบนเวที หรือสถาณที่ที่จะโชว์ด้วยด้วยเด็ดขาด เพราะเมื่อคุณขึ้นไปยืนตรงนั้นแล้ว คนดูเขาไม่รู้หรอกว่าคุณพร้อมแค่ไหนกับโชว์ เขาคิดอย่างเดียวคือ เขากำลังจะได้ดูโชว์จากคุณ ซึ่งมันต้องผ่านการเตรียมตัวมาดีแล้วแน่ๆ ( หรืออาจจะไม่ดี อันนี้เรารู้อยู่แก่ใจ ) โอเคล่ะมันอาจจะไม่ได้ดีหรือสมบูรณ์แบบระดับมืออาชีพ หรือศิลปินระดับโลก แต่คุณต้องคิดว่า ณ.เวลานั้น ไม่ว่าคุณจะตั้งใจหรือไม่ก็ตามในการขึ้นไปยืนบนเวทีนั้น คุณได้กลายเป็นจุดสนใจ หรือจุดเด่นของสถาณที่หรืองานนั้นๆ ไปแล้วอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดังนั้สิ่งที่คุณต้องทำให้ได้ไม่ว่าโชว์จะผิดพลาด หรือเตรียมตัวมามากน้อยแค่ไหนก็ตามยังไงก็ตามคุณต้องเต็มที่กับการร้องหรือการแสดง อย่าคิดหรือเผลอคิดเด็ดขาดว่า วันนี้ไม่พร้อม เลยร้องและเล่นแบบครึ่งๆ กลางๆ แล้วมาพูดตบท้ายทีหลังว่า “ขออภัยพวกเรามีเวลาซ้อมกันน้อยมาก เลยทำออกมาได้ไม่ดี คราวหน้าถ้ามีโอกาส เราจะทำให้เต็มที่ครับ”
เชื่อผมครับ 80% คุณไม่มีโอกาสแก้ตัวหรอก เพราะอะไรก็เพราะว่าคนดูเหล่านั้นเขามีภาพโชว์ที่แย่ของคุณฝังในหัวแล้ว คราวนี้คุณลองคิดตามนะแล้วคราวหน้าเขาจะอยากดูคุณอีกหรือ ดังนั้นซ้อมให้ดีอย่ามีข้ออ้างของความผิดพลาดที่เกิดจากการไม่เตรียมตัว
ทั้งหมดทั้งมวลคือ 3 หัวข้อคร่าวๆ ที่น้าปูนึกได้ ณ.เวลานี้ที่นำมาเรียบเรียงจากประสบการณ์ของการเป็นนักดนตรีกลางคืน ลองเอาไปคิดต่อยอด วิเคราะห์ดูนะครับ มันอาจจะไม่ใช่ทั้งหมด หลายๆ คนอาจจะมีข้อคิดหรือเทคนิคที่มากและได้ผลกว่าที่น้าปูพูดถึง ยังไงก็ลองพูดคุยกัน หรือแนะนำเพิ่มเติมเข้ามาครับ